วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557


นาย  ศรัณยู   ใคร้มูล   5606105039


ตัวอย่างเว็บไซต์ E-commerce


1.  http://www.tohome.com/

C-Communication

  •   บริการผ่าน WAP (Wireless Application Protocol)
  •   บริการข้อมูลผ่าน SMS
  •   PDA
  •   ทางโทรศัพท์ปกติ

ซึ่ง ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นช่องทางที่ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์ และหรือเชื่อมต่อ กับอินเทอร์เน็ตเลย แต่ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบริการของเว็บไซต์ได้ผ่าน "ช่องทาง" อื่นๆ อีกหลากหลายได้ ดังนั้นยิ่งคุณสามารถขยายช่องทางใช้บริการในเว็บไซต์คุณแล้วละก็ คุณก็จะยิ่งสามารถเข้าถึง และขยายฐานลูกค้าคุณออกไปยังกลุ่มอื่นๆ อีกนับล้านๆ คน นอกเหนือจากการกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเท่านั้น


C-Customization


  •   การปรับแต่งสินค้าเพื่อการค้า (Commerce Customization)
o   การ ปรับแต่งด้วยตัวลูกค้าเองสามารถนำมาประยุกต์กับการค้า E-Commerce ได้และสามารถ เพิ่มยอดขาย ได้อย่างมากกับรูปแบบที่ ลูกค้าสามารถปรับแต่ง สินค้าให้มีความเหมาะสมกับ ตัวลูกค้าเองเพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าสินค้าชิ้นนั้นๆ ไม่เหมือนใคร และได้ถูกออกแบบโดยเค้า ซึ่งจะทำให้สินค้าชิ้นๆนั้นมีความพิเศษกว่าสินค้าที่ขายทั่วๆ ไป เช่น เว็บไซต์ www.Nike.com 

  •   การเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อการนำเสนอข้อมูล (Information Customization)
o   หลายๆ เว็บมีการเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อการเลือกข้อมูลที่ตรงกับลักษณะหรือความต้องการของ ลูกค้าเฉพาะคน ให้มากขึ้นโดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า คือการให้มีการลงทะเบียน เพื่อใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลพื้นฐานอย่างเช่น เพศ อายุ วัย หรือความสนใจสามารถนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพของ การนำเสนอข้อมูลให้ตรงกับกลุ่มคนกลุ่มๆนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ www.Amazon.com


C-Convenience 

  •   "ดู" ง่าย
o   การวางรูปแบบ (Layout)
o   รูปภาพ และไอค่อน ( Image & Icon)
o   ขนาดตัวอักษร (Font) และการจัดหน้า
o   การออกแบบระบบนำทางที่ดี (Navigation)
o   มี  Site map ในเว็บ
  •   "เรียนรู้" ได้ง่าย (easy to learn)
  •   "จดจำ" วิธีการใช้งานได้ง่าย
  •   "เข้าถึง" ได้ง่าย
  •   ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ (efficient to use)
  •   การเจอปัญหาและการแก้ไข
ทั้ง หมดนี้เป็นองค์ประกอบที่ช่วยทำให้เกิดความ "ง่ายและสะดวก" ที่คุณควรจะนำไปใช้ในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะสามารถเพิ่มยอดจำนวนคนเข้าและยอดขายสินค้าภายในเว็บไซต์คุณได้ แต่ บางครั้ง เว็บไซต์บางประเภทก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งความง่ายละความสะดวกก็จะมีมากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งก็ควรพยายามทำให้อยู่บนพื้นฐานของการใช้งานง่ายและสะดวกที่สุด




2.     http://www.sanook-shopping.com/

C-Content

  • ข้อมูลใหม่สดเสมอ
  • ข้อมูลมีความถูกต้อง
  • อ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล
  • การจัดการและบริหารข้อมูล (Content Management )      
o   เว็บไซต์ที่มีข้อมูลไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย (Static Content) 
o   เว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่เสมอ (Dynamic Content)

  •   รูปแบบของการหาข้อมูลมาไว้ในเว็บไซต์มี 3 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
o   ทางผู้จัดทำเว็บไซต์เป็นคนผลิตข้อมูลขึ้นมา (Self Feeding) 
o   ข้อมูลมากจากผู้เข้ามาใช้บริการ (User Feeding) 
o   ข้อมูลมากจากพันธมิตร (Partner Content)

C-Community

  •   องค์ประกอบในการสร้าง Community ในเว็บไซต์ของคุณ

o   เว็บบอร์ด (Web Board)
o   ห้องแช๊ตรูม (Chat Room)
o   พิ๊กโพสต์ (Pic Post)
o   ไดอารี่ หรือ บล็อก (Diary or Blog)
o   ข่าว (News) + Web Board
o   เมล์ลิ่งลิสต์ (Mailing List)
o   รวมลิงค์ เว็บไซต์
  • รูปแบบของ Community ของเว็บไซต์ฅ
  • Online Community เชื่อมโยงมา Offline Community

C-Commerce

  •   เลือกสินค้าให้ตรงกับกลุ่มคนที่เข้ามาใช้เว็บไซต์
  •   เลือกสินค้าที่น่าสนใจและเหมาะสม
  •   การหาสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บ

o   การซื้อสินค้ามาเก็บไว้

o   การนำสินค้าจากแคตตาล๊อกมาขาย (จับเสือมือเปล่า)

o   การนำสินค้าจากพันธมิตรมาขาย



C-Communication

  •   บริการผ่าน WAP (Wireless Application Protocol)
  •   บริการข้อมูลผ่าน SMS
  •   PDA
  •   ทางโทรศัพท์ปกติ

ซึ่ง ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นช่องทางที่ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์ และหรือเชื่อมต่อ กับอินเทอร์เน็ตเลย แต่ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบริการของเว็บไซต์ได้ผ่าน "ช่องทาง" อื่นๆ อีกหลากหลายได้ ดังนั้นยิ่งคุณสามารถขยายช่องทางใช้บริการในเว็บไซต์คุณแล้วละก็ คุณก็จะยิ่งสามารถเข้าถึง และขยายฐานลูกค้าคุณออกไปยังกลุ่มอื่นๆ อีกนับล้านๆ คน นอกเหนือจากการกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเท่านั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น